วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552


การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีผู้ให้ความหมายไว้มากมาย ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า...
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หมายถึงการใช้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยความชาญฉลาดและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ให้มากที่สุดและมีระยะเวลาในการใช้งานยาวนานที่สุด
สังคมไทยเราแต่โบราณก็ได้มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อาทิ เกษตรกรรมได้มีการเพาะปลูก ทำนา โดยใช้วัว ควายเป็นแรงงานในการไถพรวนและเลี้ยงตามไร่ตามท้องนา ซึ่งก็ท่ากับว่าเป็นการเพิ่มปุ๋ยให้แก่พื้นดินจากมูลสัตว์เหล่านั้น ในขณะเดียวกันคนในสมัยก่อนจะไม่มีการจับปลาในวันพระตามสระน้ำในวัด ยิงนก ล่าสัตว์ ในบริเวณป่าตามวัด เป็นต้น
ประเภทของสิ่งแวดล้อมที่ควรอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อม ทั้งที่เป็นธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นทุกส่วนทุกอย่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเป็นระบบ หากส่วนหนึ่งส่วนใดถูกกระทบทำลาย ก็จะก่อให้เกิดปัญหาได้ ซึ่งอาจแยกสิ่งแวดล้อมได้เป็นประเภทใหญ่สำหรับการอนุรักษ์ได้ดังนี้
1. ทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ป่าไม้ ทุ่งหญ้า สัตว์ป่า น้ำ ดิน อากาศ มนุษย์ และพื้นที่ธรรมชาติต่าง ๆ เป็นต้น จำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ดังนี้
1.1 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ไม่รู้จักหมด
1.2 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วนำมาใช้ใหม่ได้
1.3 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป
2. ธรรมชาติที่ควรอนุรักษ์ หมายถึง ธรรมชาติที่มีคุณค่าทางวิทยาการและสุนทรียภาพที่เกี่ยวข้องเป็นสัณฐานที่สำคัญทางธรณีวิทยาและภูมิศาสตร์อันเป็นเอกลักษ์หรือสัญลักษณ์ของท้องถิ่นนั้น ๆ มีลักษณะพิเศษเฉพาะ ซึ่งจำแนกลักษณะได้ดังนี้
2.1 เกาะและแก่ง
2.2 ภูเขา ถ้ำ น้ำตกและน้ำพุร้อน
2.3 ทะเลสาบ หนองและบึง
2.4 หาดทราย และหาดหิน
2.5 แหล่งที่มีซากดึกดำบรรพ์ (พืชและสัตว์) สุสานหอย 75 ล้านปี
2.6 สัณฐานอื่น ๆ ที่มีความสำคัญทางธรณี สัณฐานวิทยา และภูมิลักษณวรรณนา เช่น เขาพิงกัน แพะเมืองผี
3. สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และระบบสังคมต่าง ๆ
ความจำเป็นที่ต้องมีการอนุรักษ์
ในการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ชาติ เพื่อแสวงหาการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงความจริงที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนั้นคือ ขีดจำกัดของทรัพยากรสมดุลของระบบนิเวศความเป็นมาของด้านวัฒนธรรมรวมถึงความต้องการของมนุษย์ในอนาคต ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า "อนุรักษ์"
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์หลักอยู่ 4 ประการ คือ
1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งปัจจัยสำคัญของระบบสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์และสัตว์ และระบบสนับสนุนการดำรงชีวิต เป็นการปรับปรุงป้องกันพื้นที่เพื่อการเพาะปลูก การหมุนเวียนแร่ธาตุอาหารพืช ตลอดจนการทำน้ำให้สะอาด
2. เพื่อสงวนรักษาการกระจายของชาติพันธุ์ ซึ่งขึ้นกับโครงการขยายพันธุ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการปรับปรุงการป้องกันธัญญพืช สัตว์เลี้ยง และจุลินทรีย์ต่าง ๆ รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีตลอดจนการคุ้มครองอุตสาหกรรม นานาชาติที่ใช้ทรัพยากรที่มีชีวิตเป็นวัตถุดิบ
3. เพื่อเป็นหลักประกันในการใช้พันธุ์พืชสัตว์และระบบนิเวศเพื่อประโยชน์ในการยังชีพตามความเหมาะสม
4. เพื่อสงวนรักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปกรรม ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าไว้ไปยังอนุชนรุ่นหลังรวมทั้งระบบสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น
จากวัตถุประสงค์การอนุรักษ์ดังกล่าวเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้เนื่องจาก
1. ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีความจำเป็นในการยังชีพและการพัฒนา
2. ความต้องการที่จะกำหนดวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อป้องกัน และแก้ปัญหาการอนุรักษ์ที่สำคัญ
3. สมรรถภาพของการอนุรักษ์ทั่วประเทศและระหว่างประเทศยังขาดจากการจัดการและประสานงานที่ดี
4. โบราณสถาน ศิลปวัฒนธรรม ได้ถูกทำลายอย่างมาก จากการกระทำของมนุษย์ จากการพัฒนาต่าง ๆ
หลักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
แนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะต้องครอบคลุมปัญหาใหญ่ คือปัญหาทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมถูกทำลาย ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อมดังกล่าวมีความสำคัญซึ่งตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาก็คือมนุษย์นั้นเอง สำรหรับแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปนั้นสามารถกระทำได้โดยกว้าง ดังนี้
1.การให้การศึกษาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพราะการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจริง ๆ นั้นมิใช่การหยุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือการปฏิเสธเทคโนโลยี แต่ความสำคัญนั้นอยู่ที่การเปลี่ยนทัศนคติของคนเพื่อให้เขาสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทิศทางส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยวิธีการทุก ๆ ชนิดรวมทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้เข้าถึงตัวประชาชนให้มากที่สุด
2. การปรับปรุงคุณภาพ เป็นวิธีการตรงที่ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรและภาวะแวดล้อมเสื่อมโทรม
3. การลดอัตราการเสื่อมสูญ การบริโภคของมนุษย์ในปัจจุบันในหลายประเภทมักจะบริโภคทรัพยากรกันอย่างฟุ่มเฟือยและไม่ค่อยได้ใช้ให้อยู่ในขอบเขตจำกัด มักจะมีทัศนคติต่อการบริโภคในลักษณะที่ว่าสามารถบริโภคได้สูงสุดจะทำให้มีความสุขที่สุด ทัศนคติเช่นนี้จะทำให้ป่าไม้ถูกทำลายเช่น การตัดหนึ่งต้นแทนที่ใช้ประโยชน์จากต้นไม้ทุก ๆ ส่วนแต่กลับใช้ประโยชน์ เฉพาะส่วนที่เป็นต้นเท่านั้นที่เหลือ เช่น กิ่ง ใบ หรือ ส่วนอื่น เช่นส่วนที่เป็นตอมักจะถูกทิ้งไป อันที่จริงแล้วส่วนเหล่านี้สามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น ไม่ควรทิ้งขว้าง เป็นต้น
4. การนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การผลิตวัสดุเครื่องใช้ต่างๆ ย่อมมีส่วนเป็นเศษเรียกกันว่าเศษวัสดุ เช่น เหล็ก อลูมิเนียม สังกะสี ทองแดง ตะกั่ว พลาสติก กระดาษ สิ่งเหล่านี้สามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่อีก โดยเก็บรวบรวมแล้วนำมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่อีกโดยเก็บรวบรวมแล้วนำเอาไปหลอมใหม่
5. การใช้สิ่งทดแทน ทรัพยากรที่ใช้ประโยชน์ได้ดีในอดีตเริ่มร่อยหรอลง เนื่องจากความต้องการเกี่ยวกับการบริโภคสูงนั้นเอง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษา เพื่อหาลู่ทางนำทรัพยากรอื่น ที่มีคุณภาพเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันมาทำหน้าที่ในงานประเภทเดียวกัน
6. การใช้สิ่งที่มีคุณภาพรองลงมา ธรรมชาติทรัพยากรชนิดเดี่ยวกันอาจมีคุณภาพแตกต่างกันออกไป เช่น พันธุไม้ในป่าซึ่งมีมากมายมีคุณภาพแตกต่างกันออกไปบางชนิดมีเนื้อไม้แข็งเมื่อนำมาแปรรูปก็จะได้ไม้ที่มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ มนุษย์จึงนิยมเลือกไม้เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ก่อน นานเข้าไม้เหล่านี้ค่อยร่อยหรอลงจนเกือบจะหมด ดังนั้นแนวทางหนึ่งของการแก้ปัญหาก็คือ การใช้ไม้ที่มีคุณภาพรองลงมา โดยการนำไม้ที่มีคุณภาพรองลงมานั้นไปอบน้ำยาหรืออาบน้ำยาทั้งนี้เพื่อรักษาคุณภาพของไม้ให้ทนทาน ป้องกันปลวก มอด เชื้อรา ซึ่งมีส่วนทำให้ไม่ผุกร่อน ให้ใช้ได้นาน เทียบเท่ากับไม้เนื้อแข็งที่หมดไปในบางประเทศ ไม้ที่จะนำมาก่อสร้างจะต้องอาบน้ำยาเสียก่อนโดยเขาออก กฎหมายบังคับกันเลยทีเดียว
7. การสำรวจหาทรัพยากรใหม่ ๆ ปัจจุบันถึงแม้ว่าจะมีการค้นหาทรัพยากรมาใช้กันมากมายแล้วก็ตาม แต่ทรัพยากรในธรรมชาตินั้นยังมีอยู่อีกมากมาย ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าหากมีการสำรวจกันอย่างจริงจังก็น่าจะพบทรัพยากรที่สามารถนำใช้ประโยชน์ในการดำรงชีพของมนุษย์อยู่อีกมาก
8. การป้องกัน เป็นวิธีการจัดการโดยตรงเกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมร่อยหรอรวดเร็วเกินไปหรือป้องกันมลสารหรือวัตถุเป็นพิษไม่ให้แปดเปื้อนสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์อาศัย รวมทั้งโบราณสถานโบราณวัตถุในกรณีที่บรรยากาศมีก๊าซพิษหรือสารพิษเจือปนน้ำไม่สะอาดไม่สามารถใช้บริโภคได้เพราะมีสิ่งแปลกปลอมขึ้นในรูปของสารพิษและเชื้อโรคสิ่งเหล่านี้ย่อมอยู่ในสิ่งแวดล้อม

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552


ประโยคภาษาจีนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

ก็จะเป็นคำพูดง่ายๆ ที่ใช้กันโดยทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันของเรา โดยจะมาเริ่มกันที่การทักทายกันก่อนค่ะ

คำศัพท์ที่ควรทราบนะค่ะ
1. 你 อ่านว่า ni แปลว่า เธอ
2. 好 อ่านว่า hao แปลว่า ดี สบาย
3. 您 อ่านว่า nin แปลว่า คุณ ท่าน
4. 早 อ่านว่า zao แปลว่า สวัสดีตอนเช้า (คำทักทาย)
5. 老师 อ่านว่า lao shi แปลว่า ครู อาจารย์
6. 学生 อ่านว่า xue sheng แปลว่า นักเรียน
7. 你(我) อ่านว่า ni(wo) men แปลว่า พวกเธอ(ฉัน) พวกคุณ(เรา)
8. 先生 อ่านว่า xian sheng แปลว่า คุณ นาย (ใช้กับผู้ชาย)
9. 小姐 อ่านว่า xiao jie แปลว่า คุณ นางสาว (ใช้กับผู้หญิง)

คำศัพท์เฉพาะที่เป็นชื่อและนามสกุล (อย่างคร่าวๆค่ะ)
1. 陈同 Chen Tong อ่านว่า เฉิน ถง
2. 李虹 Hong อ่านว่า หลี่ หง
3. 王 Wang อ่านว่า หวาง (แซ่/นามสกุล)

บทสนทนาเกี่ยวกับการกล่าวสวัสดี
(1) A : 你好 Ni hao! สวัสดี(ครับ/ค่ะ)
B : 你好 Ni hao! สวัสดี(ครับ/ค่ะ)

(2) A : 您早 Nin zao! สวัสดีตอนเช้า(ครับ/ค่ะ)
B : 您早 Nin zao! สวัสดีตอนเช้า(ครับ/ค่ะ)

(3) 学生 : 老师好!
Xuesheng : Laoshi hao!
นักเรียน : สวัสดีครับ (ค่ะ) อาจารย์

老师 : 你们好!
Laoshi : Nimen hao!
อาจารย์ : สวัสดี (พวกเธอ)


การถามสารทุกข์สุกดิบ
การถามถึงสารทุกข์สุกดิบเป็นอีกวัฒนธรรมการทักทายของจีน เช่นเดียวกับวัฒนธรรมไทยละวัฒนธรรมอื่นๆ จึงควรที่จะเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับการถามสารทุกข์สุกดิบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ คำศัพท์ทั่วไปและคำศัพท์เฉพาะ

คำศัพท์ทั่วไปมีดังนี้
1. 马 อ่านว่า ma แปลว่า ...หรือ...ไหม (คำลงท้าย)
2. 很 อ่านว่า hen แปลว่า มาก
3. 也 อ่านว่า ye แปลว่า ก็ ด้วย
4. 都 อ่านว่า dou แปลว่า ทั้งหมด ต่างก็ ล้วน
5. 呢 อ่านว่า ne แปลว่า ...ล่ะ (คำลงท้าย)
6. 谢谢 อ่านว่า xiexie แปลว่า ขอบคุณ ขอบใจ

คำศัพท์เฉพาะที่เป็นชื่อหรือนามสกุล
1. 王东 Wang Dong หวาง ตง
2. 马文明 Ma Wenming หม่า เหวินหมิง


บทสนทนา 1

陈老师 : 王东,你好吗?
Chen Laoshi : Wang Dong, ni hao ma ?
อาจารย์เฉิน : หวาง ตง เธอสบายดีหรือ?

王东 : 很好,陈老师好吗?
Wang Dong : Hen hao, Chen Laoshi hao ma ?
หวาง ตง : สบายดีครับ อาจารย์เฉินสบายดีหรือครับ?

陈老师 : 我也很好.
Chen Laoshi : Wo ye hen hao.
อาจารย์เฉิน : ฉันก็สบายดี


บทสนทนาที่ 2

王东 : 李红,马文明,你们都好吗?
Wang Dong : Li Hong, Ma Wenming, nimen dou hao ma ?
หวาง ตง : หลี่ หง หม่า เหวินหมิง พวกเธอสบายดีหรือ?

李红,马文明 : 我们都很好,你呢 ?
Li Hong, Ma Wenming : Women dou hen hao, ni ne ?
หลี่ หง หม่า เหวินหมิง : พวกเราต่างก็สบายดี เธอล่ะ?

王东 : 我也很好,谢谢。
Wang Dong : Wo ye hen hao.
หวาง ตง : ฉันก็สบายดี ขอบคุณ.



การถามชื่อ-นามสกุล
การถามชื่อ-นามสกุลของผู้อื่นเวลาที่เจอกันเป็นครั้งแรกด้วยสำนวนสุภาพเป็นวิธีที่สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้คนในสังคมอีกอย่างหนึ่ง เราจึงควรเรียนรู้คำที่เหมาะสมในการถามชื่อ-นามสกุลเอาไว้

คำศัพท์ทั่วไปมีดังนี้
1. 大 da ใหญ่
2. 请问 qingwen ขอเรียนถาม
3. 贵 gui แพง มีเกียรติ ทรงเกียรติ
4. 姓 xing นามสกุล แซ่
5. 明 ming ชื่อ
6. 叫 jiao มีชื่อว่า เรียกว่า
7. 对不起 duibuqi ขอโทษ
8. 是 shi เป็น คือ ใช่
9. 认识 renshi รู้จัก
10. 菲常 feichang มาก อย่างยิ่ง
11. 高兴 gaoxing ดีใจ


คำศัพท์เฉพาะที่เป็นชื่อและนามสกุล
周 Zhou โจว (แซ่ นามสกุล)
欧阳成 Oyang Cheng โอวหยาง เฉิง


บทสนทนา 1

大学生 : 请问,老师贵姓 ?
Daxuesheng : Qingwen, laoshi gui xing ?
นักศึกษา : ขอเรียนถาม อาจารย์นามสกุลอะไรค่ะ?

老师 : 我姓周。
Laoshi : Wo xing Zhou.
อาจารย์ : ผมนามสกุล(แซ่)โจว.

大学生 : 周老师,您好 !
Daxuesheng : Zhou Laoshi, nin hao !
นักศึกษา : สวัสดีค่ะ อาจารย์โจว!


บทสนทนาที่ 2

王东 : 请问,您贵姓大名 ?
Wang Dong : Qingwen, nin gui xing da ming ?
หวาง หง : ขอเรียนถาม คุณนามสกุลอะไร ชื่ออะไร?

欧阳成 : 我姓欧阳,叫欧阳成。
Ouyang Cheng : Wo xing Outang, jiao Ouyang Cheng.
โอวหยาง เฉิง : ผมนามสกุลโอวหยาง ชื่อโอวหยาง เฉิง ครับ

王东 : 欧阳先生,您好 !
Wang Dong : Ouyang xiansheng, nin hao !
หวาง ตง : สวัสดีครับ คุณโอวหยาง.


บทสนทนาที่ 3

马文明 : 对不起,小姐,您贵姓大名 ?
Ma Wenming : Duibuqi, xiaojie, nin gui xing da ming ?
หม่า เหวินหมิง : ขอโทษครับ คุณนามสกุลอะไร ชื่ออะไรครับ?

李红 : 我姓李 ,叫李红,您呢 ?
Li Hong : Wo xing Li, jiao Li Hong, nin gui xing da ming ?
หลี่ หง : ฉันนามสกุล หลี่ ชื่อว่า หลี่ หง ค่ะ คุณล่ะคะ?

马文明 : 我是马文明,认识您非常高兴 。
Ma Wenming : Wo shi Ma Wenming, renshi nin feichang gaoxing.
หม่า เหวินหมิง : ผมคือ หม่า เหวินหมิง ได้รู้จักคุณ ผมดีใจเป็นอย่างยิ่ง.